บทที่ 9 บทที่ 9 งูบิน
ตำหนักท้ายวัง
หลังจากที่ได้เห็นแววตาขบขันของเนี่ยหยวนฮวา แววตาสมเพชเวทนาของหวังอิงฮวา และแววตาสะใจของไป๋เมิ่งเจี๋ย ฟางซูลี่ก็ถึงกับถอนหายใจออกมาคราหนึ่ง
ยิ่งได้มองเห็นสภาพตำหนักที่ทรุดโทรมราวกับจะพังลงมาได้ทุกเมื่อ นางก็อยากจะกลับแคว้นฉีใช้มีดปาดคอแม่เลี้ยงและพี่สาวมหาภัยผู้นั้นเสียให้รู้แล้วรู้รอด
ก่อนจากกันนางได้ไถเงินจากฉีอ๋องมาอีกหลายพันตำลึง แม้ฉีอ๋องจะโกรธเคืองแต่อย่างไรก็ห่วงบุตรสาวไม่น้อย จึงยอมนางแต่โดยดี
ซ่งเว่ยส่งนางกำนัลน้อยมาให้นางหนึ่งคน นามว่า ชิงหลวน และนางกำนัลอาวุโสอีกหนึ่งคนนามว่า เซี่ยหมัวหมัว
บัดซบจริง ๆ สนมนางอื่นมีนางกำนัลรายล้อม แต่ซ่งเว่ยกลับให้นางกำนัลนางมาเพียงสองคน เขาจงใจแกล้งนางชัด ๆ
"ฟางผินเพคะ ยามนี้เราต้องเริ่มเก็บกวาดตำหนักก่อนนะเจ้าคะ"
เซี่ยหมัวหมัวเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เหนื่อยล้า ฟางซูลี่ที่ได้เห็นเช่นนั้นก็รู้สึกหมดเรี่ยวแรงตามไปด้วย
เฮ้อ!!! สภาพขนาดนี้ยังจะชวนข้าเก็บกวาดตำหนักอีก
"เซี่ยหมัวหมัวพักเถิด ข้ากับหลิงหลิงและชิงหลวนจะจัดการเอง"
"แต่พระสนม..."
"พักเถิด"
พักเถิด!!! ข้าขี้เกียจหามเจ้าไปหาท่านหมอ!!!
ฟางซูลี่เดินวนรอบตำหนัก ก่อนจะค่อย ๆ เก็บกวาดใบไม้และหญ้าที่ขึ้นรกรอบตำหนักออกอย่างไม่รีบไม่ร้อน มีบางคราที่หน้าต่างและประตูชำรุดนางก็ลงมือซ่อมแซมเองอย่างคล่องแคล่ว
หลิงหลิงและชิงหลวนจ้องมองนายของตนด้วยแววตาที่ตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง ฟางซูลี่ยกยิ้มมุมปาก สาวน้อยเจ้าคงไม่รู้สินะว่าข้าน่ะมีความสามารถรอบตัว อีกทั้งยังถึกทนอย่างมากด้วย
อีกด้านหนึ่ง ซ่งเว่ยกำลังจ้องมองฟางซูลี่อยู่ไกล ๆ พร้อมกับขมวดคิ้วมุ่น เขาจำได้ดี ยามนั้นที่เขากับฟางซูซินยังไม่ได้แตกหักกัน เขามักจะไปที่จวนตระกูลฟางอยู่บ่อยครั้ง ทุกคราจะเห็นสาวใช้นำยาต้มไปมอบให้ฟางซูลี่ดื่ม เด็กสาวที่อ่อนแอในวันนั้น ไม่น่าเชื่อว่ายามนี้นางจะเก่งกล้าถึงขนาดซ่อมตำหนักเกือบทั้งหลังด้วยตนเองเช่นนี้
น่าสนใจดีนี่?
ในเมื่อเจ้าเสนอตัวมารับกรรมแทนพี่สาวเจ้า ข้าก็จะสั่งสอนเจ้าให้หลาบจำ
"ฝ่าบาท จะให้ส่งคนไปช่วยฟางผินหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ"
"ไม่ต้อง กลับตำหนัก"
ขันทีที่ได้ยินเช่นนั้นก็ทำได้เพียงมองฟางซูลี่ด้วยความสงสาร
ผ่านไปราวสองชั่วยาม ยามนี้ฟางซูลี่กำลังนั่งหอบอยู่บนพื้น นางคว้ากาน้ำชามากรอกใส่ปากตนเองด้วยความหิวกระหาย
เหนื่อยจริง ๆ!!!
"โธ่ ๆ ๆ ฟางผินช่างน่าสงสารยิ่งนัก"
"นั่นสิ น้องฟางผินช่างน่าเห็นใจไม่น้อย"
"พวกเราไปให้กำลังใจน้องฟางผินกันเถอะ"
เสียงแหลมชวนแสบแก้วหูของสตรีสามคนดังแว่วมา เมื่อฟางซูลี่เงยหน้าไปมองก็พบกับ เนี่ยหยวนฮวา หวังอิงฮวา และไป๋เมิ่งเจี๋ย
มาแล้วสตรีมหาประลัย!!!
ฟางซูลี่ลุกขึ้นยืนมองพวกนางอย่างเกียจคร้าน เนี่ยหยวนฮวาที่เห็นเช่นนั้นก็ยิ่งเกิดความไม่พอใจขึ้นมาหลายส่วน
"ข้าเป็นถึงซูเฟย ส่วนเจ้าเป็นเพียงสนมขั้นผิน เหตุใดจึงไม่ทำความเคารพข้า มิรู้จักที่ต่ำที่สูง!!!"
ฟางซูลี่ส่งเสียงเหอะในลำคอ ก่อนจะยื่นมือไปจับของบางอย่างขึ้นมาถือเอาไว้ ของสิ่งนั้นที่ทำเอาเนี่ยหยวนฮวา หวังอิงฮวา และไป๋เมิ่งเจี๋ยถึงกับขนลุกซู่
"งะ งู!!!"
"ใช่แล้ว นี่คือซากงูที่ข้าเพิ่งตัดหัวทิ้ง วู้ววว งูบินไร้หัว!!! ฮ่า ๆ!!!"
"อ๊าาา!!!"
ฟางซูลี่โยนซากงูหลายสิบตัวไปทางสตรีมหาประลัยสามคนนั้นจนพวกนางวิ่งแตกกระเจิงกันไปคนละทิศคนละทาง งูพวกนี้นางเจอในขณะที่กำลังถางหญ้า นางไม่กลัวสัตว์เลื้อยคลานพวกนี้ เจอที่ใดนางสับหัวมันทิ้งที่นั่น
"จะรีบไปที่ใดกัน ยังมีหัวงูอีกนะ!!!"
"อ๊าาาาาา!!!"
ฟางซูลี่ไม่รอช้าโยนหัวงูที่อยู่บนพื้นปาใส่สตรีสามนางนั้นอย่างรวดเร็ว ก่อนจะหัวเราะอย่างชอบใจ
เนี่ยหยวนฮวา หวังอิงฮวา และไป๋เมิ่งเจี๋ยวิ่งล้มลุกคลุกคลานจนผมที่เพิ่งจัดแต่งมาอย่างประณีตงดงามหลุดลุ่ยหมดสภาพมองดูช่างน่าอนาถเป็นอย่างยิ่ง
